พ่อขืนใจลูกสาววัย 14 จนท้อง ลูกหวั่นพ่อโดนจับเพราะไม่เหลือใครแล้ว

พ่อขืนใจลูกสาววัย 14 จนท้อง ลูกหวั่นพ่อโดนจับเพราะไม่เหลือใครแล้ว

ว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ได้รับการประสานจากพลเมืองดี ว่ามีเหตุพ่อแท้ๆ ล่วงละเมิดทางเพศลูกสาววัย 14 ปี จนตั้งครรภ์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นห้องพักของคนงานไม่มีเลขที่ ภายในโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พบ นายบี (นามสมมติ) อายุ 34 ปี พร้อมกับเมียใหม่ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา อายุ 37 ปี และ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) วัย 14 ปี ภายในห้องเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจึงได้อ้างกับผู้เป็นพ่อว่า ขอรับตัว ด.ญ.เอ ไปสอบถามข้อมูลเรื่องการเรียนที่หยุดเรียนบ่อย พร้อมเชิญคุณครูประจำชั้นของโรงเรียนที่ ด.ญ.เอ ได้ศึกษาอยู่ไปร่วมพูดคุยด้วย ที่สถานีตำรวจภูธรพนมสารคาม

จากการสอบถามและพูดคุย ด.ญ.เอ ได้ให้การรับสารภาพว่าถูกพ่อแท้ๆ ล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อายุ 13 ปี ในขณะเดียวกัน ด.ญ.เอ มีความเป็นกังวล เพราะกลัวว่าพ่อ จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศกับตนเอง และตนเองก็จะไม่เหลือใคร เพราะตั้งแต่เล็ก ด.ญ.เอ ได้อาศัยอยู่กับตายายมาตลอด ส่วนพ่อกับแม่แยกทางกัน โดยแม่ได้มีครอบครัวใหม่ ส่วนพ่อก็มีเมียใหม่ จนมาช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตากับยาย จะต้องเดินทางกลับไปพักอาศัยที่บ้านเกิดจังหวัดบุรีรัมย์ เพราะสุขภาพร่างกายไม่ดี ทำให้ผู้เป็นพ่อ ได้เดินทางมารับไปอยู่ด้วยที่บ้าน

ขณะที่คุณครูประจำชั้นเผยว่า ด.ญ.เอ จะขาดเรียนบ่อย ซึ่งคุณครูได้ตามมาดูที่บ้าน ด.ญ.เอ ก็จะอ้างว่าไม่ค่อยสบาย ประกอบกับช่วงนั้น ด.ญ.เอ ติดโควิดทำให้คุณครูไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมีพลเมืองดีเริ่มมาพูดให้ได้ยินเกี่ยวกับพ่อลูกคู่นี้ ที่มีความสัมพันธ์เกินพ่อลูก ทำให้คุณครูเริ่มสังเกตพฤติกรรมเวลาที่พ่อมาส่งลูกสาวที่โรงเรียน ก็จะมีการกอดการหอมกันผิดวิสัยของพฤติกรรมคนเป็นพ่อกับลูก จนกระทั่งเมียใหม่ของพ่อซึ่งเป็นชาวกัมพูชาได้เห็นพฤติกรรมของสามีที่ทำกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง จนมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ทำให้เรื่องดังกล่าวรู้ถึงพลเมืองดี ก่อนจะมาแจ้งให้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ทราบเรื่องเพื่อเข้ามาให้การช่วยเหลือ

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ดำเนินการพา ด.ญ.เอ เข้าตรวจร่างกายเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่โรงพยาบาลพนมสารคาม และดำเนินการรับตัวเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ณ บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ฉะเชิงเทรา และเตรียมประสานเรื่องสถานที่เรียนให้เด็กต่อไป ในขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อเอาผิดกับผู้เป็นพ่อ ในขณะที่เพื่อนข้างห้องเผย ผู้เป็นพ่อ ได้หลบหนีแล้ว เพราะกลัวความผิด.

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*